ทำไมเราควรทำประกันชีวิตและสุขภาพ

four requisites

ชีวิตเรานั้นหนีไม่พ้นเรื่องปัจจัย 4 ได้แก่ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค หรืออาจจะมีความต้องการเพิ่มเป็นปัจจัย 5 และ 6 ได้ เพิ่มเข้ามาในชีวิตอีก ตัวอย่างเช่น การศึกษาบุตร  รถยนต์  มือถือรุ่นใหม่ๆ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อย่าง อินเตอร์เน็ต จนสามารถเรียกได้ว่าเป็น “ภาระ” ที่คนเราเลือกแบกรับเอาไว้ มากน้อยแตกต่างกันตามความต้องการ และทำให้แต่ละคนต้องทำงานหา “รายได้” จากนั้นนำรายได้ไปเป็น “รายจ่าย” ให้กับภาระที่เลือกแล้วส่วนเกินที่เหลือ (ที่มักไม่ค่อยเหลือ) ก็จะเก็บไว้เป็น “เงินออม” ไว้ใช้จ่ายในยามจำเป็น หรือใช้ในยามเกษียณอายุ จำนวนเงินออมจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับวินัยและการวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล แน่นอนว่ากว่าจะเหลือเงินให้มาออมได้ว่ายากแล้ว แต่เงินออมที่มีกลับสามารถถูกโจมตีให้หมดลงได้ด้วย 4 เหตุร้ายที่ยากจะหลีกเลี่ยงดังต่อไปนี้

  1. อายุสั้นเกินไป

จากเคยมีหัวหน้าครอบครัว อยู่มาวันหนึ่งหัวหน้าครอบครัวจากไปก่อนวัยอันควรไม่มีวันหวนคืน เหลือไว้เพียงความทรงจำและภาระหน้าที่ที่ต้องรับช่วงต่อ เช่นภาระผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายครอบครัว ค่าเทอมลูก คำถามคือ ใครจะเป็นคนรับภาระนี้ต่อไป?

ขอยกตัวอย่าง นักธุรกิจ หรือเจ้าของกิจการที่มีภาระหนี้สินจากการกู้เพื่อนำเงินมาลงทุน หมุนเวียนในธุรกิจ เมื่อสิ้นลมหายใจ แน่นอนว่าภาระหนี้สินยังคงอยู่ดังเดิม แล้วภาระหนี้สินทั้งหมดนี้ใครจะรับผิดชอบ?

  1. อายุยืนเกินไป

เรามาคิดว่าอายุสั้นมันไม่ดี แต่อายุยืนก็ไม่ดี แม้ว่าการมีอายุยืนแน่นอนว่าใคร ๆ ก็ปรารถนา แต่หากมองอีกด้าน การมีอายุยืนก็มักมีปัญหา “เรื่องค่าใช้จ่ายยามชรา” ที่มักไม่ได้มีแผนการเตรียมเอาไว้ (เงินหมดก่อนสิ้นอายุขัย) และกลับต้องมาอยู่แบบขัดสน เป็นภาระให้ครอบครัวและสังคม ดังนั้นหากอายุยิ่งยืนเท่าใด ก็จะยิ่งต้องเตรียมการสำหรับอนาคตเผื่อไว้ให้มากขึ้น จากสถิติตารางมรณะคนไทยสำหรับบริษัทประกันชีวิต พบว่า เด็กในช่วงอายุ 0-6 ปี มีอัตราเสียชีวิตสูง แต่โอกาสจะค่อยๆ ลดลง จากนั้นอัตราเสียชีวิตจะกลับมาเพิ่มอีกครั้ง ในช่วงอายุ 40-50 ปี ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตของแต่ละคนด้วยว่ามีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด ทางสถิติยังบอกอีกว่าผู้หญิงอายุยืนกว่าผู้ชาย หรือเรียกง่ายๆ ว่า ผู้ชายเสียชีวิตก่อนผู้หญิง เพราะใช้ชีวิตผาดโผน กล้าเสี่ยง โดยเฉพาะชายในช่วงอายุ 18-35 ปี

  1. ทุพพลภาพ หรือพิการ

การเจ็บป่วย และ ประสบอุบัติเหตุย่อมมีผลกระทบต่อการทำงาน และการหารายได้ของคนเรา ซึ่งแม้ไม่ได้ทำงาน ไม่มีรายได้ แต่รายจ่ายยังมีเท่าเดิมและยังคงต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไป สภาวะแบบนี้เกิดปัญหาเรื่องการใช้จ่ายอย่างแน่นอน เพราะขาดรายได้ บางคนถึงกับเป็นภาระคนในครอบครัวหรือคนอื่นไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว

  1. เจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง

การเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง ที่คนไทยเป็นจะโรคมะเร็ง อย่างเช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มากขึ้น หรือทุกวันนี้การที่ได้รับควันพิษ จากฝุ่น PM2.5 แม้แต่ เชื้อโควิด-19 หรือจะเป็น โรคอุบัติใหม่ๆ ต่าง ที่มาทำให้ทรัพยากรในกระเป๋าเราลดลง ดังนั้นเครื่องมือที่จะช่วยลดภาระและค่าใช้จ่าย จึงมีความจำเป็นต่อผู้คนในปัจจุบันมาก

เครื่องมือการเงิน และในการวางแผนทางการเงิน คือ การทำ ประกันชีวิต

เงินออมส่วนหนึ่ง เมื่อเริ่มวางแผนแล้ว มักจะหมดไปกับเครื่องมือการเงินที่เรียกว่า ประกันชีวิต ที่เป็นการสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว จึงทำคนส่วนใหญ่มองว่าประกันชีวิตนั้น “คนทำไม่ได้ใช้เงิน” แต่แท้จริงแล้วมีแบบประกันชีวิตบางแบบที่ผู้เอาประกันจะยังมีโอกาสได้ใช้เงินตอนมีชีวิตอยู่ด้วย เช่น ประกันชีวิตตลอดชีพ ที่มีมูลค่าในกรมธรรม์ที่สามารถกู้ออกมาใช้ยามฉุกเฉินได้ หรือ ถ้าผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่ครบกำหนดอายุกรมธรรม์ ก็จะได้รับเงินเอาประกันตามจำนวนที่ระบุไว้ด้วย

แต่หากผู้เอาประกันเสียชีวิต ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินทุนประกันชีวิตไป เรียกได้ว่า “มีชีวิตอยู่ก็ได้ใช้เงิน เสียชีวิตก่อนก็มีเงินให้คนข้างหลัง” ตามจำนวนที่กำหนดในกรมธรรม์ประกันชีวิต

4 เหตุผลของการทำประกันชีวิตนั้น เรียบง่ายกว่าที่เราคิด

  1. เพื่อความสบายใจ

จุดหลักที่คนทำประกันชีวิต การทำประกันอุบัติเหตุ ส่วนมากคือต้องการความคุ้มครองที่ทำให้ตัวเองนั้นรู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเรามีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเป็นประจำ มีภาระค่าใช้จ่ายในอนาคต เช่น ค่าเล่าเรียนของบุตร ค่าผ่อนบ้าน หรือค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ การทำประกันชีวิตนอกจากจะเป็นการสะสมทรัพย์ผ่านทางประกันชีวิตแล้ว หากเราเกิดเหตุไม่คาดฝัน การมีประกันชีวิตจะช่วยเป็นส่วนหนึ่งใน “”หลักประกัน”” ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์นั้น ๆ และค่าใช้จ่ายในอนาคต สำหรับคนที่เราห่วงใย

โดยรวมแล้ว การทำประกันชีวิตนั้น เราทำเพื่อความสบายใจ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นหากเราประสบเหตุนั้นเอง

  1. ลดหย่อนภาษี

ต่อจากความสบายใจแล้ว คือ การทำประกันชีวิตนั้น มีจำนวนการลดหย่อนภาษีที่ค่อนข้างสูงมาก เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่ได้รับ เนื่องจากการทำประกันชีวิตนั้นจะลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 – 300,000 บาทขึ้นอยู่กับแผนประกันภัยและเงื่อนไขจากกรมสรรพากร  เช่น

แผนประกันชีวิตที่ลดหย่อนภาษีได้ 100,000 บาท*

  • ประกันชีวิตตลอดชีพ
  • ประกันชีวิตสะสมทรัพย์
  • ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี
  • ประกันชีวิตบำนาญ
  • ประกันชีวิตชั่วระยะเวลา
  • แผนประกันชีวิตที่ลดหย่อนภาษีได้ 300,000 บาท*
  • ประกันชีวิตบำนาญ (ที่มีเงินคืนหลังอายุ 60 ปีเป็นต้นไปเท่านั้น)

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่กรมสรรพากรกำหนด

  1. ทำประกันสุขภาพเพิ่มเติม

หลายๆท่านอาจจะคิดเริ่มทำประกันสุขภาพ และส่วนมากประกันสุขภาพนั้น ต้องแนบสัญญาหลักที่เป็นประกันชีวิต จึงจะทำประกันสุขภาพและสัญญาเพิ่มเติมสุขภาพอื่นๆได้ รวมถึงประกันชดเชยรายได้และโรคร้ายแรง

การทำประกันสุขภาพนั้นมีข้อดีหลายๆอย่าง และจริงๆแล้ว ประกันสุขภาพนั้นสามารถลดหย่อนภาษีได้เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

ทำให้การทำประกันชีวิตแนบกับสัญญาเพิ่มเติมประกันสุขภาพนั้นจึงเป็นที่นิยมมาก สำหรับคนที่เริ่มทำประกันชีวิตฉบับแรก ทำให้ได้รับความคุ้มครองและลดหย่อนภาษีได้ในตัว

  1. ทางเลือกของการออมเงิน

และเหตุผลสุดท้ายที่ทำต้องทำประกันชีวิตและเป็นเหตุผลหลักๆสำหรับใครบางคนคือ “การทำประกันชีวิต เป็นการออมเงินไปในตัว” เนื่องจากเมื่อครบอายุสัญญาหรือครบรอบปีกรมธรรม์ จะได้รับเงินคืนตามสัญญา พร้อมกับสิทธิการลดหย่อนภาษีที่กล่าวไปข้างต้น

ซึ่งพอมองรวมๆกันแล้ว หากได้สิทธิลดหย่อนภาษี เงินออมระหว่างสัญญา และความคุ้มครองชีวิตที่ได้ระหว่างสัญญา อาจจะคุ้มค่ามากขึ้น และเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังหาช่องทางการออมเงินอื่นๆ ที่นอกเหนือจากกองทุนและเงินฝากก็เป็นได้

สุดท้ายนี้การทำประกันชีวิต เป็นสัญญาในระยะสั้น-ยาว แตกต่างกันและเหตุผลในการซื้อประกันชีวิตก็แตกต่างกันอีกด้วย เพราะอย่างนั้นก่อนทำประกันชีวิต ควรศึกษากรมธรรม์และอ่านรายละเอียด รวมถึงข้อยกเว้นต่างๆก่อนทำประกันชีวิตทุกครั้งด้วยนคะ และหากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามด้านใด สามารถสอบถามโดยตรงที่ตัวแทนประกันชีวิตที่ดูแลท่านอยู่ หรือสอบถามทางบริษัทได้ทันที

ท่านใดสนใจประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพ และยังไม่มีตัวเลือกว่าจะเลือกตัวไหน หรือประกันสุขภาพคุ้มครองแบบใด สามารถสอบถามได้ที่แบบฟอร์มด้านล่างได้เลย

ปรึกษาการเลือกแผนประกัน

กับตัวแทนประกันภัย มืออาชีพ

เจสซี่ 092-389-1525